พูดเรื่องเทรนด์การขายออนไลน์ในปี 2019 กันหน่อย


เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กฏหมายใหม่ของกรมสรรพากรคลอด ระบุให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการการเงินทุกเจ้า ส่งข้อมูลลูกค้าที่เข้าข่าย ส่งผลให้ผู้ขายออนไลน์ที่เลี่ยงภาษีอกสั่นขวัญแขวน

#เวลานี้คือโอกาส ในปี-สองปีนี้ ผมคาดว่า ผู้ขายที่ไม่อยู่ในระบบภาษีจะลดน้อยลง และจะค่อยๆ ล้มหายตายจาก เพราะจะมีการเก็บข้อมูลรายได้ส่งสรรพากร การขายตาม marketplace แล้วไม่ยื่นภาษีหรือยื่นไม่ตรงตามจริง สร้างความเสี่ยงอย่างมาก”

การขายทุกวันนี้ขายเฉพาะในเว็บไซต์, IG, Facebook ของตัวเองอย่างเดียวไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะว่า เทรนด์การซื้อสินค้า ของคนไทย จะวิ่งเข้าไปหา marketplace อันดับต้นๆ ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่เจ้า ขอพูดถึงแค่ 2 อันดับคือ Lazada และ Shopee

มันมีวันหนึ่งที่ ผมคุยกับเพื่อนที่ชอบวิเคราะห์ตลาด เขาก็จะพูดว่า คนไทยติดโซเชียลมาก การซื้อสินค้าใดๆ จะต้องมีการอวดไปในตัวมีการถ่ายภาพและพูดถึงและแชร์เทรนด์การซื้อที่กำลังฮิตกันอยู่

สมมติเว็บไซต์, IG, Facebook คุณ ชื่อว่า “AAA” คนที่มาซื้อสินค้าเว็บ “AAA” ของคุณ เขาก็จะไม่แชร์อะไรเกี่ยวกับคุณ เพราะว่าคุณ no name มาก เค้าจะแชร์เฉพาะตัวสินค้าที่ซื้อมา ไม่มีการ reference อะไรมาก ว่าซื้อจากไหน หากยอดฟอลโล่วเพจ ต่ำกว่า 500,000 เรียกได้ว่า ตลาดวงมันแคบ ต้องหมดงบไปกับการโฆษณามหาศาล ทุกวันนี้ใครๆ ก็ขายของ ถ้าคุณยังขายเฉพาะที่ๆ คุณขาย ไม่มองโอกาสอื่น คุณน่าจะรู้สึกยอดขายที่ตกลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ขายของที่หาซื้อได้เกลื่อน

แต่คนที่ซื้อสินค้าจากช้อปปี้หรือลาซาด้า เขาจะพูดเรื่องนี้ได้ทั้งวันและเขาจะถ่ายรูปหรือแชร์สินค้าที่เขาเพิ่งซื้อหรือกำลังมองอยู่ อวดกันได้ตลอด

อันนี้คือเหตุผลหลักเลยว่าทำไมเราต้องลงไปขายในช้อปปี้และลาซาด้าด้วย เพราะคนขายสินค้าเยอะขึ้น คนทุกคนทำรายได้เสริม เพราะขายสินค้าง่ายนิดเดียว

เวลานี้คือโอกาส ในปี-สองปีนี้ ผมคาดว่า ผู้ขายที่ไม่อยู่ในระบบภาษีจะลงน้อยลง หันมาเข้าระบบมากขึ้น ส่วนที่ขยับขึ้นมาไม่ได้ และ สายป่านสั้น จะค่อยๆ ล้มหายตายจาก เพราะสถาบันการเงินและผู้ให้บริการการเงิน เช่น ธนาคาร และ อีวอลเล็ต (แอร์เพย์ ของชอปปี้ก็ถูกรวมเข้าไปด้วย) จะมีการเก็บข้อมูลรายรับส่งสรรพากร การขายตาม marketplace แล้วไม่ยื่นภาษีหรือยื่นไม่ตรงตามจริง สร้างความเสี่ยงอย่างมากจากการเรียกตรวจ

ผู้ขายที่ไม่ได้ตั้งราคาขายตามโครงสร้างภาษี มัวแต่กดราคา ตัดราคากันไปมา จะอยู่ไม่ได้ เพราะเมื่อไรที่ถูกบังคับเข้าระบบภาษี พวกเค้าจะขาดทุน มีมาร์จิ้นต่ำๆ จะไปตายตอนยื่นภาษี เพราะรายรับสูงแต่กำไรต่ำ และหัก เหมาจ่ายได้แค่ 60% (ทั้งที่รายรับอาจจะเป็นต้นทุน 70-90%)

การเข้าขายในตลาด matketplace ของคุณ ควรทำในปีนี้ แล้วปีหน้าจะเริ่มเห็นผล เพราะร้านจะปิดไปจำนวนมากจากการที่ยื่นภาษีแล้วขาดทุน และหากพวกเค้าไม่ยื่น ก็มีสิทธิ์โดนเรียกจากสรรพากร ในเวลานั้น ร้านของคุณก็ค่อยๆ เก็บแต้มและย้ายจุดยืนไปสู่จุดสูงขึ้นในตลาด marketplace

Leave a Comment

Scroll to Top